ขุนช้างขุนแผน 3
นายมั่น
วัยนมเเตกพาน
หลังเหตุการณ์ที่ขุนไกรถูกจจองจำ เวลาผ่านไป ๓ ปี ทุกชีวิตที่เมืองสุพรรณบุรี ใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่ใคร่จะมีความสุขนัก
เนื่องด้วยช่วงนี้มักจะมีโจรร้าย มาปล้นสดมภ์ เหล่าชาวบ้าน และข่มขืนผู้หญิงอยู่เป็นประจำ
ทำให้พระพันวษา รับสั่งให้บรรดา นายกองทั้งหลาย ออกปราบปรามไอ้โจรกลุ่มนี้
และให้พวกหัวหน้าหมู่บ้านทั้งหลายให้ความร่วมมือในการปราบโจรร้ายนี้โดยพลัน
ณ บ้านของขุนศรีวิชัย เศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองสุพรรณบุรี ในวันนี้ก็เป็นวันเฉลิมฉลองอันเนื่องมาจากขุนศรีวิชัยค้าขายจนร่ำรวย
เลยจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อเป็นการบอกชาวสุพรรณบุรี ให้รู้เป็นนัยๆ
งานผ่านไปด้วยดีแต่กว่าจะเก็บของเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบตีห้า ทุกคนอ่อนเพลียไปตามๆกันพากันหลับสนิทกันยกเว้นแต่
“เฮ้ย เร็วๆ เข้าซิวะ” เสียงกระซิบจากชายคนหนึ่งซึ่งมีอายุประมาณ ๔๐ เศษ สักลายพร้อยไปทั้งตัว เอาผ้าปิดหน้าไปจนเหลือแต่ช่องตรงลูกตา
กระซิบดุ คนที่ตามมาอีก ๒ คน ให้รีบขนของออกจากบ้านของขุนศรีวิชัย พวกนี้คือ กลุ่มโจรที่ช่วงนี้กำลังลำพองใจ
ดำเนินการปล้นและฆ่า เจ้าทุกข์ทั้งหลาย และถ้าบ้านไหนมีผู้หญิงสวยด้วยมันยิ่งไม่เอาไว้ต้องโดยเย็ดไม่เวัน
ระหว่างที่พวกอีก ๒ คนกำลังขนหีบสมบัติใบใหญ่ข้ามบานประตูห้อง เจ้าคนที่เดินหลังดันสะดุดธรณีประตูทำให้หีบสมบัติใบใหญ่ใบนั้นหลุดมือตกลงกับพื้น
เสียงดังโครมใหญ่ เสียงนี้หาได้ปลุกบ่าวไพร่ให้ลุกขึ้นมาไม่ เนื่องจากเหน็ดเหนื่อยจากงานเลี้ยงทั้งคืน แถมกินสาโทเข้าไปมากอีกด้วย
แต่คงเป็นคราวเคราะห์ของขุนศรีวิชัยลุกขึ้นมาเยี่ยวกลางดึก ได้ยินเสียงผิดปรกติ ก็รีบเยี่ยวสบัดควยรวกๆก่อนจะหันไปหยิบดาบที่แขวนที่ข้างฝา
แล้วค่อยๆ ย่องออกมายังห้องเล็กที่เก็บสมบัติด้านหลังบ้าน เมื่อมาถึงยังข้างห้องเล็ ขุนศรีวิชัยได้ยินเสียงคนเดิน และเสียงกระซิบ
เลยกระโดดออกมา แล้วฟันดาบใส่หลังโจรคนหนึ่งที่กำลังแบกสมบัติอยู่ จนโจรล้มกลิ้งไป แต่ขุนศรีวิชัยก็โดนหัวหน้าโจรแทงจากด้านหลัง
ขุนศรีวิชัยไม่มีโอกาสแม้จะได้สั่งเสียลูกเมียเพราะดาบนั้นมุ่งเข้าไปตัดที่ขั้นหัวใจ ทำให้ขาดใจตายในทันที
พวกโจรรีบหามคนที่บาดเจ็บหนีออกจากบ้านไป ทิ้งให้ขุนศรีวิชัยนอนจมกองเลือดอยู่ที่ตรงนั้นเอง
ณ อีกมุมหนึ่งของเมืองสุพรรณบุรี อันเป็นที่อยู่ของพันศรโยธา และนางศรีประจัน ซึ่งเป็นพ่อค้าใหญ่ มีการค้าที่คึกคักไม่น้อย
ซึ่งวันนี้เองเป็นวันที่พันศรโยธา กลับมาจากการไปค้าขายที่ต่างเมือง นานถึง 3 เดือน ยังผลกำไรให้กับพันศรโยธาอย่างงาม
ดังนั้นคืนนี้จึงเป็นคืนฉลองรับขวัญเมียหลังจากที่จากกันไปนาน
“จากเมียไปนาน วันนี้กลับมามีอะไรมาฝากเมียบ้างจ๊ะพี่พัน”
"มีเเน่จ้า ของดีเสียด้วยนะ..."
"อุ๊ย..ของดีเหรอจ๊ะ..อะไรเอ่ย อยากเห็นจัง"
"แต่ก่อนที่พี่จะให้ดูของดี ขอชื่นใจสักหน่อยก่อน"
"อุ๊ยๆๆ...พี่พัน..."
นางศรีประจันต์บิดต้วม้วนไปมา เมื่อโดนพี่พันศร ล้วงมือเข้าไปบี้เเตดใต้ผ้าถุงไหมผืนงาม
หลังจากที่บี้เเตดจนสาแก่ใจแล้ว พันศร ก็ถอดกางเกงออกยืนเเก้ผ้าโทงๆอวดไอ้ใบ้ขนาด 8 นิ้วต่อหน้าเมีย
"อุ๊ย พี่พัน อะไรกันนี่"นางศรีประจันต์เบิกตาโพลงเมื่อเห็นควยผัวเต็มตา
ด้วยความที่ พันศร ได้เดินทางไปยังต่างเมือง มากมาย ทำให้ได้พบกับนักรักมากมาย ได้รับประสบการณ์มาก
และที่สำคัญก็คือ ได้พบกับอาจารย์ผู้หนึ่งซึ่งมีวิชาการในการผ่าตัดผังมุก และติดแผงคอม้า ซึ่งพันศรโยธาได้เห็นประสิทธิภาพมาแล้ว
จึงได้ขอผ่าตัดบ้าง และครั้งนี้ก็ได้ลองเอามาใช้กับเมียเป็นครั้งแรก
นางศรีประจัน เมื่อได้เห็นควยของผัวที่ผิดแผกไปจากเดิม ก็ตกตะลึงตาค้าง ทำไมควยของผัวจึงมีปุ่มปมไปทั่ว
แถมที่ตรงหัวตรงเงี่ยงยังติดอะไรที่เป็นแผงขนยื่นออกมา ด้วยความกลัวนางจึงหุบขาไม่ยอมให้ไอ้ของแปลกนี้มันเข้าไปในรูหีเด็ดขาด
แต่พันศรโยธาก็ก้มลงดูดเม้มที่หัวนมสีชมพูของนางอีกมือหนึ่งก็เอานิ้วชอนไชเข้าไปในร่องหีแถมเกี่ยวโดนแตดเข้าอีก
ทำให้นางศรีประจันเริ่มที่จะบิดส่ายสะโพกให้สวนกับนิ้วของผัวรัก
พันศรโยธานั้นเมื่อเห็นเมียรักเริ่มเงี่ยน ก็ค่อยจ่อหัวควยที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เข้าไปจรดที่รูหี แล้วค่อยๆ ดันเข้าไป
กลีบแคมของนางศรีประจันก็ค่อยๆ ม้วนตามหัวควยเข้าไป พอถึงส่วนที่เป็นเงี่ยงก็ทำให้นางศรีประจันสะดุ้งแล้วจับแขนของพันศรโยธาเอาไว้แน่น
เพราะมีความรู้สึกว่าปากรูหีของนางถูกขนอะไรบางอย่างมันครูด ทำให้เกิดความรู้สึกแสบๆ คันๆ เสียวๆ แต่ก็แปลกดี
แถมพอถึงจุดที่มุกมันเข้าไปมันจะสะดุดเข้าไปถูกจุดเสียวอย่างทั่วถึง พอพันศรโยธากดควยเข้าไปจนมิดก็เริ่มชักออก
พอเริ่มชักออก ไอ้แผงคอม้ามันก็เริ่มออกฤทธิ์ มันเริ่มครูดเนื้อในของนางจากด้านในสุด ออกมาจนกระทั่งแคมของนางปลิ้นติดควยออกมาเป็นสีแดงเถือก
ซึ่งมันส่งผลให้นางศรีประจันรู้สึกแสบคันในช่องเป็นอย่างยิ่ง กำลังจะอ้าปากบอกผัวรักให้หยุดเพราะนางรู้สึกแสบคันที่ในรูหี
พันศรโยธาก็กระแทกกลับเข้าไปดังฟุบ หนอกควยกระทบกับหนอกหีดังปั่บ จากนั้นก็ซอยเข้าออกเข้าออก เกิดเสียงดังฟืดๆๆ
นางศรีประจันเด้งรับการกระเด้าของผัวรัก อย่างเข้าจังหวะ
สองผัวเมียเย็ดต่อเนื่องนานถึง ๒ ชั่วโมง ทำให้นางศรีประจันรู้สึกเสียวมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ ทั้งแผงคอม้า
และมุกมันทั้งครูดทั้งสะดุดต่อมเสียวอย่างต่อเนื่อง ทำให้นางน้ำเเตกอย่างต่อเนื่อง
แต่ตัวพันศรโยธาเองอยู่ๆ ก็หยุดนอนทับร่างนางแน่นิ่งไป ทำให้นางตกใจอย่างมาก รีบลุกขึ้นแต่งตัว และเขย่าเรียกผัวรัก
แต่อนิจจาเรียกอย่างไรก็คงไม่ตื่นแล้ว เนื่องจากพันศรโยธานั้น หัวใจวายอันเนื่องมาจากการออกแรกกระเด้าเมียรักให้ถึงใจ
จนถึงแก่ความตายในที่สุด
กล่าวถึงพลายแก้ว และนางทองประศรีที่ได้เดินทางอพยพมาอยู่ ณ เขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุรีนั้น ในช่วงแรกที่เดินทางมาถึงนั้น
นางทองประศรีก็ได้มาอาศัยอยู่กับนางแก้ว ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง นางแก้วถูกเลี้ยงดูมากับนางทองประศรีในตอนที่ยังเด็กอยู่
แต่ตอนนี้นางแก้วก็ได้อยู่กินกับคนจีนที่เข้าตั้งรกรากค้าขายอยู่ที่เมืองกาญจนบุรีนั้น
ซึ่งทั้งนางแก้วและสามีของนางคือเจ๊กซุ่น ก็ได้ให้ความช่วยเหลือแก่นางทองประศรีเป็นอย่างดี โดยความช่วยเหลือของครอบครัวนี้
ทำให้นางทองประศรีได้เริ่มมีฐานะที่ดีขึ้นจนได้เป็นเจ้าของที่ดินมากมาย ที่ปล่อยให้คนได้เช่า ทำให้นางได้กินค่าเช่า
ไม่ต้องไปทำงานหาเลี้ยงลูกให้เหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป
สำหรับพลายแก้วนั้น ไม่ต้องห่วงเลย เนื่องด้วยเป็นเด็กฉลาด และกตัญญู เป็นที่หนึ่ง พลายแก้วนั้นไม่ดื้อไม่ซนและขยันช่วยเหลือแม่ในการค้าขาย
และเมื่อนางทองประศรีเห็นว่าฐานะของนางมั่นคงพอแล้ว นางจึงคิดจะฝากให้พลายแก้วได้ศึกษาเล่าเรียน
เพื่อจะได้เป็นคนที่เก่งเหมือนกับขุนไกรพลพ่ายผู้เป็นพ่อ นางจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับนางแก้วว่าจะให้พลายแก้วได้ไปศึกษาต่อที่ใดดี
นางแก้วกับสามีของนางเจ๊กซุ่น ก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็บอกว่า สมภารบุญที่วัดส้มใหญ่ มีวิชาอาคมมาก
น่าจะให้พลายแก้วได้ไปศึกษากับท่านสมภารจะได้มีวิชาความรู้ติดตัว เจ๊กซุ่นก็รับปากจะไปพูดกับสมภารบุญให้
เนื่องจากเจ๊กซุ่นและนางแก้ว เป็นอุบาสก อุบาสิกา ที่เคยช่วยเหลือกับทางวัดส้มใหญ่มามาก ตั้งแต่สมัยที่เริ่มสร้างวัดใหม่ๆ
ซึ่งในที่สุดพลายแก้วก็ได้เข้าไปบวชเณร ซึ่งทำให้นางทองประศรีปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมากที่ลูกชายจะได้มีวิชาความรู้เหมือนอย่างกับพ่อ
พลายแก้วนั้น เมื่อได้บวชเป็นสามเณรกับสมภารบุญนั้นก็ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หนังสือ การคาถาอาคม และการเข้าญาณสมาธิกับสมภารบุญ
ด้วยความที่เป็นเด็กใผ่รู้และฉลาดเฉลียว ทำให้พลายแก้วเป็นที่รักใครเอ็นดูของสมภารบุญมาก สมภารบุญจึงได้ถ่ายทอดวิชาให้จนหมดสิ้น
แม้กระทั่งวิชาในการผูกควายธนู ก็ได้สอนใจแก่พลายแก้วไปจนหมดสิ้น จนกระทั่งวันหนึ่งท่านสมภารก็ได้เรียกสามเณรพลายแก้วมาคุยกันที่ในโบสถ์
“เออ เณรแก้วเอ้ย เจ้ามาอยู่กับหลวงตาได้ย่างเข้า ๓ ปีแล้วนะ หลวงตารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดี ขยัน ไม่เกียจคร้าน...
หลวงตาสอนอะไรเจ้าก็เรียนรู้ได้เร็ว จนหลวงตาไม่มีอะไรจะสอนแล้ว เอาอย่างนี้ หลวงตาจะส่งเจ้าไปเรียนกับท่านสมภารคงแห่งวัดป่าเลไลย์นะ...
ท่านน่ะเป็นอาจารย์ของหลวงตาอีกที เจ้าจะได้เรียนวิชาเพิ่มเติม เพราะหลวงตาสมองโง่ทึบ เรียนวิชามาไม่ได้ถึงหนึ่งในร้อยของท่านอาจารย์...
ถ้าเจ้าอยากที่จะไปเรียนหลวงตาจะเขียนหนังสือฝากเจ้าไปให้ ดีมั้ย”
สามเณรพลายแก้ว ก้มลงกราบหลวงตา และตอบเสียงเบาๆ ว่า
“แล้วแต่หลวงตาเถิดขอรับ เพียงเท่าที่หลวงตากรุณาผมก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งแล้วขอรับ”
หลวงตาบุญ ลูบหัวสามเณรแก้วด้วยความรักใคร่ แล้วพูด
“อืม เจ้ามันเป็นคนดี หลวงตายังไม่เคยรักและเมตตาใครเท่าเจ้าเลยนะ ขอให้เจ้าตั้งใจและขยันอย่างนี้เรื่อยๆ ไปล่ะ...
แล้วพร่งนี้เจ้าก็ออกเดินทางไปที่วัดป่าเลไลย์ได้เลยนะ”
สามเณรพลายแก้ว ก้มลงกราบหลวงตาอีกครั้ง แล้วลาหลวงตาออกมา หลังจากนั้นสามเณรพลายแก้วก็เดินทางไปยังบ้านของมารดา
เพื่อบอกกับมารดาว่าตนจะย้ายไปศึกษากับหลวงตาคง แห่งวัดป่าเลไลย์ในวันพรุ่งนี้แล้ว เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้าน
หมาหลายตัวที่นางทองประศรีเลี้ยงไว้ก็เห่าใส่สามเณรพลายแก้ว สามเณรพลายแก้วก็หลับตาบริกรรมคาถา เพียงชั่วขณะเดียว
หมาเหล่านั้นก็หยุดเห่า แล้วเข้ามาเลียแข้งเลียขากันเป็นการใหญ่
ฝ่ายนางทองประศรีนั้น กำลังนอนให้บ่าวไพร่นวดอยู่ ได้ยินเสียงหมาเห่า ก็ตะโกนบอกบ่าวที่กำลังซ้อมมวยอยู่ใต้ถุนบ้าน
“ไอ้มั่น เอ็งไปดูซิว่าใครมา รีบๆ หน่อย เดี๋ยวหมามันรุมฟัดตายห่า”
เจ้ามั่นบ่าวนักมวย เดินออกจากใต้ถุนที่ด้านหน้าเรือนก็พบว่ามีสามเณรรูปงามนั่งรออยู่ที่ศาลาด้านหน้าเลยเข้าไปถาม
“พ่อเณร มาหาใครหรือขอรับ”
สามเณรพลายแก้วยิ้มที่มุมปากก่อนจะตอบ
“นายมั่น นี่นายมั่นจำอาตมาไม่ได้หรอกหรือ อาตมาคือพลายแก้วลูกของแม่ทองประศรีอย่างไรเล่า”
"โอ้..พ่อพลายเเก้วเองหรือนี่ โตขึ้นรูปงามจนบ่าวจำไม่ได้...."
"ฮะๆๆๆ...ยอกันเกินไปรึเปล่านายมั่น.."
"ไม่ได้ยอขอรับ พ่อเณรรูปงามจริงๆ..แบบนี้สีกาคงติดตรึม.."
"ก็มีสีกามาเล่นหูเล่นตาให้ท่าอยู่บ่อยๆทำเอาอาตมา..น้ำ..เเตก..ตอนเช้า..ผ้าเหลืองเลอะเอาบ่อยๆ..ฮะๆๆ.."
"เป็นธรรมดาขอรับ..ฝันเปียกกับพระเณรเป็นของคู่กัน.."
"ว่าเเต่นายมั่นเถอะ..ดูแข็งเเรงมากเลยนะ ทั้งกล้ามขากล้ามท้อง......"
สามเณรพลายเเก้วไม่พูดเปล่า แต่ใช้มือบีบกล้ามขานายมั่นเเล้วลูบกล้ามท้อง
"...ซ้อมมวยทุกวันขอรับ..."
"แล้วควยล่ะ..ซ้อมบ้างหรือไม่...."พ่อเณรพูดพลางล้วงมือเขาไปกำควยในผ้าเตี่ยวซ้อมมวยที่รัดติ้ว
"...เอ่อ..พ่อเณร..."
ตอนเเรก นายมั่น ออกจะงงๆ แต่ก็คิดได้ว่าพ่อเณรคงจะถูกสีกาให้ท่าจนเก็บความเงี่ยนไว้นานพอมาเจอคนที่ไว้ใจได้ก็เลยระบายออกมา
"นายมั่นช่วยอาตมาให้หายเงี่ยนก่อนจะไปพบโยมแม่ที"
นายมั่น ไม่ตอบ แต่ลงมือดันพ่อเณรให้นอนเอนตัวลงก่อนจะถกจีวรขึ้นเเล้วเข้าฟันดาบกันโดยที่นายมั่นขึ้นคร่อมในท่านั่งยองๆ
"ควยพ่อเญร ใหญ่เอาเรื่องเหมือนกันนะขอรับ"
"ควยนายมั่นก็ใช่ย่อยซ๊ะเมื่อไหร่"
เณร กับ บ่าว คุยกันไปอย่างออกรสออกชาติ
"สีกาที่มายั่วพ่อเณร สวยไหมขอรับ"
"สวยๆทั้งนั้นเลย..แต่ละคนเเกล้งทำนมหก ฮะๆๆๆ..."
"มีเปิดหีให้ดูไหมขอรับ"
"มีอยู่รายเดียว..แต่หีใหญ่มาก..ขอบอก..."
"ใหญ่ขนาดไหนขอรับ"
"เท่าฝ่ามือเลยละ"
ยิ่งคุยยิ่งเงี่ยน ต่างคนต่างจับควยตัวเองเอาหัวถอกถูกันไปมาน้ำเงี่ยนเลอะ ก่อนจะลงเอยด้วยการเย็ดหว่างขาพ่อเณรจนน้ำแตก
นางทองประศรีชะเง้อชะเเง้ดูว่ามีใครมา ก็มีเสียงสั่นๆของนายมั่นตะโกนขึ้นมา
"สามเณรพลายเเก้ว มาขอรับนายหญิง"
พอนางทองประศรีได้ฟังดังนั้น ก็ดีใจยิ่งนัก รีบลูกขึ้นจนบ่าวไหร่ที่กำลังนวดให้อยู่ หงายหลังหน้าคะมำกันไปตามๆ กัน
นางทองประศรีรีบเดินมาจนถึงเรือนด้านหน้า พอพบหน้าลูกชายก็รู้สึกดีใจจนน้ำตาไหล เนื่องด้วยบารมีแห่งผ้าเหลืองที่สวมอยู่
ทำให้นางรู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก นางก้มลงกราบสามเณรพลายแก้วแล้วถามไถ่ทุกข์สุขของลูกชายด้วยความรักและเป็นห่วง ด้วยจากกันมานานถึง ๓ ปี
สามเณรพลายแก้วจึงบอกกับมารดาว่า ตนจะต้องเดินทางไปยังวัดป่าเลไลย์ เพื่อไปเรียนวิชาเพิ่มกับหลวงตาปู่คง สมภารแห่งวัดป่าเลไลย์นั้น
และจะไปตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ทำให้นางทองประศรีปลาบปลื้มยินดีอย่างมาก และบอกกับสามเณรพลายแก้วว่า หลวงปู่คง แห่งวัดป่าเลไลย์นั้น
คืออาจารย์เก่าของขุนไกรพลพ่าย ผู้เป็นบิดานั่นเอง ยังความยินดีให้กับสามเณรพลายแก้วยิ่งนัก เมื่อคุยไต่ถามทุกข์สุขกันจนหายคิดถึงแล้ว
สามเณรพลายแก้วก็ลาจากนางทองประศรีผู้เป็นมารดาเพื่อเดินทางไปยังวัดป่าเลไลย์ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยพลัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น